สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาสิ่งแวดล้อมไทย (สอสท.) จัดการประชุมวิชาการนานาชาติ the 7th EnvironmentAsia International Conference 2025 ในหัวข้อ “Integrating Efforts to Tackle the Triple Planetary Crisis” ระหว่างวันที่ 4 – 6 กันยายน 2568 ทั้งนี้พิธีเปิดการประชุมเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2568 ณ ห้องบอลรูม ชั้น 7 โรงแรมเดอะ แลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.รัฐชา ชัยชนะ นายกสมาคมสถาบันอุดมศึกษาสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม และได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดงานประชุม
การประชุมวิชาการนานาชาติ the 7th EnvironmentAsia International Conference 2025 มุ่งหวังที่จะเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการ นักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย นักปฏิบัติการภาคสนาม นักศึกษา และภาคประชาสังคม ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ร่วมนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาและสร้างแรงบันดาลใจในการลงมือปฏิบัติจริง โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและร่วมกันผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนในทุกระดับ ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ผลกระทบร่วมของวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลกจะก่อให้เกิดห่วงโซ่ผลกระทบทางสังคมและนิเวศที่ซ้อนทับกัน และเป็นภัยคุกคามที่ซับซ้อนต่อความอยู่รอดในระยะยาวของทั้งมวลมนุษยชาติและระบบนิเวศของโลก ตลอดจนอนาคตของคนรุ่นต่อไป การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้จึงมิใช่เพียงเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หากแต่เป็นการเชื่อมโยงสหวิชาชีพ และร่วมกันสร้างกรอบความร่วมมือใหม่ ๆ ระหว่างประเทศ ภาคส่วน และชุมชนต่าง ๆ พลังแห่ง องค์ความรู้ที่แบ่งปัน ความรับผิดชอบร่วม และความหวังร่วมกัน ที่เกิดขึ้นจากการประชุมครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทของพลเมืองโลกเพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน”
ทั้งนี้ ภายในงานจะประกอบด้วย การนำเสนอผลงานวิชาการแบบบรรยายและแบบโปสเตอร์ การเสวนาในประเด็นเฉพาะ กิจกรรมสร้างเครือข่าย และการบรรยายปาฐกถาพิเศษโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายหัวข้อซึ่งเป็นประเด็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ อาทิ
· Three Crises, One Planet: Insights on Global and Asian Pathways Forward โดย Marie Jurisoo จากสถาบันสิ่งแวดล้อมสตอกโฮล์ม (SEI)
· Ecology-inspired Solutions for Healthier Environment and Climate-resiliency in Agricultural Production โดย Assoc. Prof. Dr. Sanjay Swarup จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS)
· Environmental Challenges and Crises in the Next Decade: What’s Coming and What must be Done? โดย Dr. Wijarn Simachaya จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)
· From Nexus to Solutions: Tackling the Planetary Crisis via Water–Food–Energy–Land–Climate Linkages โดย Prof. Dr. Shabbir H.Gheewala จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT)
การประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 200 คน จากทั้งหน่วยงานการศึกษา หน่วยวิจัย หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน โดยมีทั้งหน่วยงานในประเทศกว่า 20 สถาบันและหน่วยงานต่างประเทศจาก 10 ประเทศ ประกอบด้วย เครือรัฐออสเตรเลีย มาเลเซีย สาธารณรัฐสิงคโปร์ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ สาธารณรัฐอินเดีย และสาธารณรัฐเกาหลี ส่งบทความเข้าร่วมการประชุมฯ ตอกย้ำบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเวทีกลางระดับนานาชาติในการขับเคลื่อนองค์ความรู้และความร่วมมือเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
การจัดงานประชุมวิชาการครั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการออกแบบรูปแบบการจัดงานที่คำนึงถึงความยั่งยืน โดยยึดหลักการ 3Rs: Reduce, Reuse, และ Recycle เพื่อร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดการจัดประชุม อาทิ
· Reduce: งดการจัดเตรียมหลอดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และเลือกใช้น้ำดื่มบรรจุขวดแก้วเพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการขอความร่วมมือนำกระบอกน้ำส่วนตัวมาร่วมงาน
· Reuse: ป้ายชื่อและสายคล้องได้รับการออกแบบเพื่อสร้างเครือข่ายและสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ในกิจกรรมครั้งต่อไป
· Recycle: วัสดุรีไซเคิลถูกนำมาใช้ในการจัดทำอุปกรณ์ตกแต่งสถานที่ เช่น แบ็กดรอปและสแตนดี้ โดยเฉพาะของที่ระลึกซึ่งถือเป็นไฮไลต์ ซึ่งผลิตขึ้นจากอวนประมงที่ถูกทิ้งและเก็บรวบรวมโดยชุมชนชายฝั่ง
#7EnviAsia2025 #TackleTheTripleCrisis #JoinThe3RMovement #SustainableChoices #PlanetSolutions #ChulaSDG #SERI #TSHE